สินเชื่อ เงินกู้

เปิดลงทะเบียนบุคคลทั่วไป ธนาคารกรุงไทย ให้รายละ 1O,OOO บาท ช่วยเหลือครอบครัว

‘เงินอุดหนุนบุตร’ เดือนกันยายน (10 ก.ย.64)

โดยนายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยถึงการปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรให้กับผู้ประกันตนว่า 1 ในของขวัญที่ได้รับการเห็นชอบ คือ การปรับเพิ่มเงินสงเคราะห์บุตรให้กับบุตรของผู้ประกันตน ที่มีอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปี ให้มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มจากเดิมเดือนละ 600 บาท เป็นเดือนละ 800 บาทต่อคน โดยจ่ายคราวละไม่เกิน 3 คน

ทั้งนี้วัตถุประสงค์ก็เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรของผู้ประกันตน และภาคแรงงานให้สามารถเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และเป็นกำลังสำคัญในการร่วมกันพัฒนาประเทศชาติ

โดยจากประกาศกฎกระทรวงดังกล่าวนั้น สำนักงานประกันสังคมจะจ่ายเงินในส่วนที่ปรับเพิ่มขึ้นของงวดเดือนมกราคม 2564 ในวันที่ 30 เมษายน 2564 เนื่องจากระบบตัดจ่ายเงินกรณีสงเคราะห์บุตรของสำนักงานประกันสังคมที่กำหนดให้การตัดจ่ายเงินย้อนหลัง 3 เดือน เพื่อปรับฐานข้อมูลผู้ประกันตนให้ถูกต้องก่อนการตัดจ่าย

อย่างไรก็ตามผู้ประกันตนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา/ ที่ท่านสะดวก หรือโทร 1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sso.go.th

เงื่อนไข ดังนี้

 

1. ต้องเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือ มาตรา 39

2. จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือน ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน สิทธิที่ท่านจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 800 บาทต่อบุตรหนึ่งคน

3. ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้น บุตรบุญธรรมหรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น

4. อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตาย ในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์

วิธีการลงทะเบียนขอรับ “เงินสงเคราะห์บุตร”

– ผู้ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส.2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน (กรณีผู้ประกันตนยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตร 3 คน ในคราวเดียวกันสามารถใช้แบบคำขอฯ ชุดเดียวกันได้)

– เจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณาอนุมัติ

– สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา

– พิจารณาสั่งจ่าย จ่ายเป็นรายเดือนโดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน

ทั้งนี้ ผู้ประกันตน สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง/จังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก หรือ โทร 1506 (เจ้าหน้าที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง)

เปิดวิธีตรวจสอบเงินสงเคราะห์บุตร
1.ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น SSO Connect หรือเข้าเว็บไซต์ www.sso.go.th

2.เข้าสู่ระบบ หากยังไม่ได้เป็นสมาชิกสามารถสมัครผ่านระบบก่อน (สมัครสมาชิก)

3.ผู้ที่เข้าผ่านแอพฯ กดเลือกเมนู “การเบิกสิทธิประโยชน์” ส่วนผู้ที่เข้าผ่านเว็บไซต์กดเลือกเมนู “การใช้สิทธิประโยชน์ทดแทน”

4.ระบบจะแสดงรายการจ่ายเงินสงเคราะห์บุตรเป็นรายเดือนไว้ให้ตามสิทธิของผู้ประกันตน

พ่อแม่เฮ! รับเงิน 2 เด้งเงินอุดหนุนบุตรและเงินสงเคราะห์ 600+800 รวมเป็น 1400 ใครมีสิทธิ์ได้บ้างเช็คที่นี่

กรมบัญชีกลางเอาใจใส่และพร้อมดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างทั่วถึงและนอกจากนี้ สำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน ได้เผยแพร่ภาพราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่กฎกระทรวง เพิ่มเงินสงเคราะห์บุตร 800 บาท มีผลบังคับแล้ว ณ ตอนนี้

สำหรับเงินสงเคราะห์บุตร 800 บาท

สำหรับเงินสงเคราะห์บุตร 800 บาท ผู้ที่มีสิทธิ์ได้คือผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 ที่มีการจ่ายเงินสมทบมาสักระยะหนึ่งแล้ว และมาตรา 40 ทางเลือกที่ 3 ผู้ที่จ่ายเงินสมทบเดือนละ 300 บาท จะได้เงินสงเคราะห์บุตร 200 บาท โดยทั้งนี้จะได้รับเงินจนกว่าบุตรจะมีอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ และสามารถเบิกเงินสงเคราะห์บุตรสูงสุดได้ไม่เกิน 3 คน สามารถติดต่อรับเงินได้เลยตั้งแต่เดือนแรกที่บุตรเกิดมาประกาศ​
เด็กที่มีอายุครบ 6 ปี จะไม่ได้รับสิทธิ​เงินอุดหนุ​นฯ แล้ว นะคะ

วิธีลงทะเบียนรับเงินอุดหนุนบุตร
สำหรับผู้ปกครองที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ “เงินอุดหนุนบุตร” หรือเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด จะต้องไปลงะทะเบียนกับหน่วยงานใกล้บ้าน ได้แก่

กรุงเทพมหานคร ติดต่อได้ที่สำนักงานเขต
เมืองพัทยา ติดต่อได้ที่ศาลาว่าการเมืองพัทยา
ส่วนภูมิภาค ติดต่อได้ที่องค์การบริหารส่วนตำบลหรือเทศบาล

เอกสารประกอบการลงทะเบียน 8 อย่าง ได้แก่

1.แบบคำร้องขอลงทะเบียน (ดร.01)

2.แบบรับรองสถานะของครัวเรือน (ดร.02)

3.บัตรประจำตัวประชาชนของผู้ปกครอง

4.สูติบัตรเด็กแรกเกิด

5.สมุดบัญชีเงินฝากของผู้ปกครอง ของธนาคารกรุงไทย ออมสิร หรือ ธ.ก.ส. อย่างใดอย่างหนึ่ง

6.สมุดบันทึกสุขภาพแม่และเด็ก

7.ใบรับรองเงินเดือน หรือหนังสือรับรองรายได้ของทุกคนในครัวเรือนที่มีรายได้ประจำ

8.สำเนาเอกสารหรือบัตรข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ บัตรแสดงสถานะหรือตำแหน่ง หรือเอกสารอื่นใดที่แสดงตนของผู้รับรองคนที่ 1 และผู้รับรองคนที่ 2

ตรวจสอบสิทธิได้โดย คลิกที่นี่ และกรอกข้อมูล 4 ขั้นตอน ดังนี้

1.ระบุเลขประจำตัวประชาชนผู้ลงทะเบียน
2.ระบุเลขประจำตัวประชาชนเด็กแรกเกิด
3.ระบุรหัสยืนยันรูปภาพ
4.กดค้นหาข้อมูล

โหลดแบบคำร้องขอลงทะเบียนเพื่อขอรับสิทธิเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด ที่นี่ :

แบบ ดร.01 .pdf – Google Drive

 

วันที่ 8 กันยายน 2564 ความคืบหน้า เงินอุดหนุนบุตร 600 บาท เตรียมโอนแล้ว!

โดยศูนย์ปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

กรมกิจการเด็กและเยาวชน ได้แจ้งว่า การจ่ายเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด

ประจำเดือนกันยายน 2564 ทางธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชีผู้มีสิทธิ ในวันศุกร์ ที่ 10 กันยายน 2564

 

 

โครงการเงินอุดหนุนเพื่อเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด หรือเงินอุดหนุนบุตร โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน

ประกาศ โอนเงิน ประจำรอบเดือนกันยายน 2564 จำนวน 600 บาท โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ธนาคารจะโอนเงินเข้าบัญชีให้กับผู้มีสิทธิ วันที่ 10 กันยายน 2564

ตรวจสอบบัญชีธนาคารที่ใช้รับเงินอุดหนุน เนื่องด้วยทางกรมกิจการเด็กและเยาวชน

จะทราบผลการจ่ายเงิน อีก 14 วัน หลังจากมีการจ่ายเงินไปแล้ว

 

ผู้มีสิทธิรับเงิน
ผู้มีสิทธิรับเงินอุดหนุน (รายเดิม)
ผู้มีสิทธิ์รายใหม่ ที่ผ่านการพิจารณา โดยมีข้อมูลสมบูรณ์ในระบบฐานข้อมูลของโครงการเงินอุดหนุน


ภายใน 25 สิงหาคม 2564

ตรวจสอบสิทธิ์
สามารถตรวจสอบได้โดยการสแกนคิวอาร์โค้ดด้านล่าง
ระบบกรมกิจการเด็ก และเยาวชน (ดย.) [dcy2-app04]

การจ่ายเงิน

จ่ายตรงงวด และจ่ายตกเบิก จำนวน 600 บาทต่อเดือน
จ่ายย้อนหลังให้ตามสิทธิของแต่ละบุคคล
ผู้ลงทะเบียนรายใหม่ ที่มายื่นขอรับสิทธิ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 เป็นต้นไป
สิทธิที่ได้รับจะเริ่มได้รับเงินในเดือนที่ยื่นขอรับสิทธิ ไม่ย้อนหลังให้ไปจนถึงเดือนที่เด็กเกิด
หากมีข้อมูลสอบถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
ศูนย์ปฏิบัติการโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด
โดยโทร.ที่เบอร์ติดต่อโดยตรง 0-2651-6534, 0-2651-6920, 0-2651-6902 หรือ 0-2255-5250 ต่อ 121, 122, 123, 147, 152 ทั้งนี้สามารถติดต่อได้ในวันและเวลาราชการเท่านั้น