สินเชื่อ เงินกู้

ไทยเครดิตฯ ปล่อยสินเชื่อ ธุรกิจฝ่าวิกฤตระลอกใหม่

เปิดตัวโครงการใหม่ “วินเซฟ” ช่วยลดค่าน้ำมัน 50% สูงสุด 250 บาทต่อเดือน

ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)  มีมติเห็นชอบมาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบอาชีพในภาคขนส่งโดยให้ส่วนลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินแก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ (รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง) ที่มีใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์สาธารณะที่จดทะเบียนเป็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์รับจ้างกับกรมการขนส่งทางบก จำนวนสิทธิรวม 106,655 รายรับส่วนลดค่าน้ำมัน ‘โครงการวินเซฟ’ รัฐช่วยค่าน้ำมันวันละ 50 บาท เดือนละ 250 บาท

ยืนยันสิทธิได้แล้ววันนี้ ง่ายๆผ่านแอพ “เป๋าตัง”

โครงการบรรเทาผลกระทบราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน สำหรับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ โดยให้ส่วนลดราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน แก่ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ (รถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง)

สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ได้รับสิทธิ ได้ที่ www.doeb.go.th หรือติดต่อกรมธุรกิจพลังงาน

 

ขั้นตอนกดรับสิทธิ

  • ติดตั้งแอปเป๋าตัง และผูก G-Wallet เพื่อรับสิทธิวินเซฟ
  • เปิดแอปเป๋าตัง และกดเข้า G-Wallet
  • กดที่แบนเนอร์ “สิทธิวินเซฟ”
  • กดยอมรับ ข้อตกลงและเงื่อนไข ยืนยันการใช้สิทธิได้ ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป

กรณีมีแอปเป๋าตัง สามารถกดยืนยันสิทธิได้ตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป

เว็บดีบอกต่อ หางานทำเวลาว่าง ใครว่างอยู่ห้ามพลาด ทำเสร็จรับเงินทันทีไม่เสียค่าธรรมเนียม สมัครเลย

 

 

เว็บดีบอกต่อจ้าา เว็บหางานทำเวลาว่าง จะทำผ่านมือถือหรือจะทำผ่านคอมฯ ก็ได้ มีงานหลากหลายแบบให้เลือกเลย พอเราทำเสร็จ กดส่งงาน เงินก็เข้าในกระเป๋าเงินของเราเลย แต่ต้องทำรายได้ครบ 100 บาท ก่อนถึงจะถอนได้น้า ใครว่างๆไม่รู้จะทำอะไร ลองหารายได้เสริมดูที่เว็บนี้เลยยย

ใครสนใจสามารถหางาน เข้าไปสมัครและเลือกงานที่เราชอบได้เลยที่  https://www.wang.in.th

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริหารธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี ธนาคารไทยเครดิต เพื่อรายย่อย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบจากการแพร่มาอย่างยาวนานตั้งแต่ต้นปี 2563 จนถึงปัจจุบัน ธนาคารไทยเครดิตในฐานะสถาบันการเงินที่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่ยากลำบากและความจำเป็นในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของธุรกิจไมโครเอสเอ็มอี รวมถึงมองเห็นความเป็นนักสู้ของผู้ประกอบการที่ยังคงยืนหยัดประคับประคองธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้ จึงได้ส่งมอบความช่วยเหลือ ทั้งการสนับสนุนสินเชื่อตามนโยบายของภาครัฐ และการปล่อยสินเชื่อผ่านผลิตภัณฑ์ SME กล้าให้ เพื่อยืนหยัดเคียงข้างผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอี มาตั้งแต่ช่วงแรกของการเกิดวิกฤตดังกล่าว”

“แม้จะเกิดการแพร่ระลอกใหม่ขึ้นในปีนี้ แต่ธนาคารยังมีความเชื่อมั่นว่าผู้ประกอบการจำนวนมากยังไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและมีศักยภาพเพียงพอที่จะประคับประคองธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้ ธนาคารจึงได้รวบรวมข้อมูลและศึกษาความต้องการของผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอี และนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่ตรงกับความต้องการในตลาดให้มากที่สุด โดยเน้นความหลากหลายและยืดหยุ่น เพื่อเป็นแรงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีสามารถบริหารจัดการเงินทุนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และประคับประคองธุรกิจให้ผ่านสถานการณ์นี้ไปได้” นายนาธัสกล่าว

สำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มสภาพคล่อง และใช้ในการฟื้นฟูธุรกิจ ธนาคารแนะนำสินเชื่อ SME กล้าให้ ที่ในปีนี้ได้เพิ่มวงเงินสูงสุดเป็น 30 ล้านบาท สำหรับลูกค้าที่มีหลักประกัน หรือสำหรับลูกค้าที่ไม่มีหลักประกัน ธนาคารเพิ่มวงเงินสูงสุดเป็น 10 ล้านบาท และรับเงินไวภายใน 5 วันทำการธนาคาร หลังจากเอกสารครบ เพื่อให้ลูกค้านำไปใช้เสริมสภาพคล่องให้ธุรกิจได้ทันต่อความต้องการ

ในกรณีที่ลูกค้ามีสภาพคล่องเพียงพออยู่แล้ว แต่ต้องการลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในการดำเนินการ ธนาคารแนะนำสินเชื่อ SME กล้าให้รีไฟแนนซ์ ที่จะช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายในแต่ละเดือน โดยรับดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน จากนั้นเดือนที่ 4 ถึงเดือนที่ 12 รับอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงตามสัญญารีไฟแนนซ์ ลบด้วย 1% ต่อปี เดือนที่ 13 เป็นต้นไป รับอัตราดอกเบี้ย 6.75% – 12% ต่อปี

นอกจากนี้ ธนาคารยังพร้อมสนับสนุนการปล่อยสินเชื่อฟื้นฟู หรือสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ตามมาตรการของธนาคารแห่งประเทศไทย โดยลูกค้าปัจจุบันสามารถขอสินเชื่อได้สูงสุด 30% ของวงเงินสินเชื่อเดิม สำหรับลูกค้าใหม่ที่ไม่มีวงเงินสินเชื่อกับสถาบันการเงินทุกแห่ง สามารถขอสินเชื่อได้สูงสุด 20 ล้านบาท (นับรวมวงเงินจากทุกสถาบันการเงิน) ซึ่งลูกค้าทั้ง 2 กลุ่มจะได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2 ปีแรกเพียง 2% ต่อปี และได้รับการยกเว้นดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก ตามมาตรการของรัฐ

สำหรับการสนับสนุนด้านเงินทุนผ่านสินเชื่อ SME กล้าให้ ที่ธนาคารดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เริ่มมีการแพร่นั้น ในปี 2563 ที่ผ่านมา ธนาคารได้อนุมัติสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีไปถึง 20,000 ล้านบาท โดยสามารถช่วยเสริมสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการกว่า 5,000 ราย และในไตรมาสแรกของปี 2564 ธนาคารยังคงให้การสนับสนุนสินเชื่อกับผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยได้อนุมัติวงเงินสินเขื่อ SME กล้าให้ ไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งธนาคารจะยังคงให้การสนับสนุนและยืนหยัดสู้อยู่เคียงข้างผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีให้สามารถข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน

ผู้ประกอบการไมโครเอสเอ็มอีที่สนใจ ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02 697 5454 หรือที่เว็บไซต์ www.tcrbank.com